รับจดสิทธิบัตร จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและดูแลทรัพย์สินทางปัญญา
การปกป้องและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลที่มีทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมูลค่า การมีการปกป้องที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณรักษาความเป็นเจ้าของและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของคุณได้อย่างเต็มที่ ที่ สำนักงานกฎหมายเดมี่ แอนด์ ดีออน จำกัด เรามีบริการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาครบวงจร รวมถึงบริการแปลสิทธิบัตร เพื่อช่วยให้คุณสามารถดำเนินการอย่างมั่นใจและถูกต้องตามกฎหมาย และบริการจดทะเบียนอื่นๆ เช่น รับจดทะเบียนเครื่อ บริการจดทะเบียนบริษัท


ความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา
ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) เช่น สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า และความลับทางการค้า เป็นทรัพย์สินที่มีค่าและต้องการการปกป้องที่เหมาะสม การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้คุณสามารถรักษาสิทธิ์และปกป้องทรัพย์สินของคุณจากการละเมิด และสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวได้อย่างเต็มที่
สิทธิบัตรคืออะไร?
สิทธิบัตร (Patent) คือสิทธิพิเศษที่หน่วยงานรัฐบาลของประเทศหนึ่งมอบให้แก่ผู้ประดิษฐ์หรือผู้ค้นพบสิ่งใหม่ที่มีประโยชน์ สิทธิบัตรเป็นการคุ้มครองสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากการสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิ์เพียงผู้เดียวในการใช้ประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์นั้น ๆ เป็นระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 20 ปีในกรณีสิทธิบัตรการประดิษฐ์) ภายในประเทศที่ได้รับสิทธิบัตร
ประเภทของสิทธิบัตร
- สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติและกระบวนการที่เป็นการประดิษฐ์ใหม่ มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่สูงกว่าขั้นตอนที่มีอยู่ก่อน และสามารถใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมได้ สิทธิบัตรการประดิษฐ์มักคุ้มครองระยะเวลา 20 ปี
- สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Design Patent): คุ้มครองการออกแบบภายนอกของผลิตภัณฑ์ที่เป็นการสร้างสรรค์ใหม่ การออกแบบนี้ต้องไม่เคยเปิดเผยมาก่อนและมีลักษณะที่สวยงามแตกต่างจากที่มีอยู่ก่อน สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์มักคุ้มครองระยะเวลา 10 ปี
- อนุสิทธิบัตร (Utility Model): คุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะใหม่แต่ยังไม่ถึงขั้นของการประดิษฐ์ที่สูง เช่น การปรับปรุงสิ่งประดิษฐ์ที่มีอยู่แล้วในด้านรูปแบบหรือโครงสร้าง อนุสิทธิบัตรมักคุ้มครองระยะเวลา 6-10 ปี
ความสำคัญของสิทธิบัตร
ความสำคัญของสิทธิบัตร สิทธิบัตรมีความสำคัญหลายประการ ทั้งในด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา:
- การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา: สิทธิบัตรช่วยให้ผู้ประดิษฐ์หรือเจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิ์เฉพาะในการใช้ประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์นั้น ๆ ซึ่งหมายความว่าผู้อื่นไม่สามารถผลิต ใช้ หรือจำหน่ายสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา: สิทธิบัตรเป็นการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เนื่องจากผู้ประดิษฐ์จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในการค้นคว้าและพัฒนา
- การสร้างรายได้: เจ้าของสิทธิบัตรสามารถอนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิบัตรได้โดยการทำข้อตกลงการให้สิทธิ (Licensing) ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติม
- การส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม: สิทธิบัตรช่วยป้องกันการลอกเลียนแบบและส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมในตลาด
กระบวนการขอสิทธิบัตร
การขอสิทธิบัตรเป็นกระบวนการที่ต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปประกอบด้วย:
- การค้นคว้าข้อมูลสิทธิบัตร: ตรวจสอบว่ามีสิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายคลึงกันหรือไม่
- การยื่นคำขอสิทธิบัตร: ยื่นคำขอสิทธิบัตรต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกับเอกสารที่จำเป็น
- การพิจารณาคำขอ: หน่วยงานที่รับผิดชอบจะทำการพิจารณาคำขอเพื่อตรวจสอบว่ามีคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิบัตรหรือไม่
- การประกาศและการคัดค้าน: ในบางกรณี หน่วยงานที่รับผิดชอบอาจประกาศคำขอสิทธิบัตรให้บุคคลทั่วไปทราบและเปิดโอกาสให้คัดค้าน
- การออกสิทธิบัตร: หากคำขอผ่านการพิจารณาและไม่มีการคัดค้าน หรือการคัดค้านไม่สำเร็จ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะออกสิทธิบัตรให้
เครื่องหมายการค้า (Trademark)
คือสัญลักษณ์ รูปภาพ ชื่อ คำ ข้อความ หรือการออกแบบที่ใช้ในการแยกแยะสินค้าหรือบริการของบริษัทหนึ่งจากสินค้าหรือบริการของบริษัทอื่นๆ เครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีค่า เนื่องจากช่วยให้ผู้บริโภคสามารถจดจำและเชื่อมโยงสินค้าหรือบริการกับแหล่งที่มาและคุณภาพเฉพาะตัว

ความสำคัญของเครื่องหมายการค้า
- การระบุแหล่งที่มา: เครื่องหมายการค้าช่วยให้ผู้บริโภคทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้าหรือบริการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- การสร้างความแตกต่าง: เครื่องหมายการค้าช่วยให้สินค้าหรือบริการแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำและเลือกซื้อสินค้าหรือบริการจากแบรนด์ที่พวกเขาไว้วางใจ
- การคุ้มครองทางกฎหมาย: การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทำให้เจ้าของเครื่องหมายได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายจากการละเมิด เช่น การใช้เครื่องหมายที่คล้ายคลึงกันเพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน
- การสร้างมูลค่า: เครื่องหมายการค้าที่ได้รับความนิยมและมีความเชื่อถือสูงสามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้า (Licensing) หรือการขายสิทธิ์
ประเภทของเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้ามีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะและการใช้งาน ตัวอย่างเช่น:
- เครื่องหมายการค้าคำ (Word Mark): ประกอบด้วยคำหรือตัวอักษร เช่น ชื่อแบรนด์
- เครื่องหมายการค้าโลโก้ (Logo Mark): ประกอบด้วยรูปภาพหรือการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์
- เครื่องหมายการค้าผสม (Composite Mark): ประกอบด้วยคำและรูปภาพหรือการออกแบบรวมกัน
- เครื่องหมายการค้ารูปแบบสามมิติ (Three-Dimensional Mark): ประกอบด้วยรูปร่างหรือการออกแบบสามมิติของสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์

กระบวนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าทำให้เจ้าของได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดสิทธิ์ได้ กระบวนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าประกอบด้วย:
- การค้นคว้าข้อมูล: ตรวจสอบว่าเครื่องหมายการค้าของคุณไม่ขัดต่อเครื่องหมายการค้าที่ยื่นขอหรือจดทะเบียนก่อนหน้านี้
- การยื่นคำขอจดทะเบียน: ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกับเอกสารที่จำเป็น
- การพิจารณา: หน่วยงานที่รับผิดชอบจะทำการตรวจสอบคำขอและเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้อง
- การประกาศและการคัดค้าน: คำขอที่ผ่านการตรวจสอบจะถูกประกาศให้บุคคลทั่วไปทรา
- การจดทะเบียน: หากไม่มีการคัดค้านหรือการคัดค้านไม่สำเร็จ เครื่องหมายการค้าจะได้รับการจดทะเบียนและคุ้มครองตามกฎหมาย
ลิขสิทธิ์คืออะไร?
ลิขสิทธิ์ (Copyright) คือสิทธิทางกฎหมายที่ผู้สร้างสรรค์งานต้นฉบับ เช่น งานเขียน งานดนตรี งานศิลปะ ภาพยนตร์ ซอฟต์แวร์ และผลงานอื่นๆ ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาได้รับจากการสร้างสรรค์งานนั้นๆ ลิขสิทธิ์ให้สิทธิ์พิเศษแก่ผู้สร้างสรรค์หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ในการควบคุมการใช้ผลงานของตน เช่น การทำซ้ำ การแจกจ่าย การแสดงต่อสาธารณะ การดัดแปลง และการนำเสนอผลงานในรูปแบบต่างๆ
ความสำคัญของลิขสิทธิ์
- การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา: ลิขสิทธิ์เป็นวิธีการที่ใช้ในการคุ้มครองสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์งานต้นฉบับจากการละเมิด เช่น การคัดลอกหรือการนำผลงานไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
- การสร้างรายได้: ผู้สร้างสรรค์สามารถอนุญาตให้ผู้อื่นใช้ผลงานของตนได้โดยการทำข้อตกลงการให้สิทธิ์ (Licensing) ซึ่งสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมจากผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น
- การส่งเสริมการสร้างสรรค์: ลิขสิทธิ์ช่วยส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ โดยให้ความมั่นใจแก่ผู้สร้างสรรค์ว่าผลงานของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองและสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ได้รับการละเมิด
ระยะเวลาการคุ้มครองลิขสิทธิ์
ระยะเวลาการคุ้มครองลิขสิทธิ์จะแตกต่างกันไปตามประเภทของงานและกฎหมายของแต่ละประเทศ แต่โดยทั่วไปแล้วลิขสิทธิ์จะคุ้มครองผลงานจนถึงช่วงเวลาที่ผู้สร้างสรรค์เสียชีวิตแล้วอีก 50 ถึง 70 ปี ในประเทศไทย ลิขสิทธิ์จะคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้สร้างสรรค์และต่อเนื่องอีก 50 ปีหลังจากเสียชีวิต
การป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์
เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น การใช้ผลงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การคัดลอกผลงาน หรือการจำหน่ายผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์อาจนำไปสู่การเรียกร้องค่าเสียหายหรือการหยุดการละเมิด
การขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์
แม้ว่าในบางประเทศ การสร้างสรรค์ผลงานจะได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องมีการลงทะเบียน แต่การขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์สามารถเพิ่มความชัดเจนและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้ เจ้าของผลงานสามารถขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์ได้ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยนั้นสามารถทำผ่านตัวแทน หรือท่านสามารถดำเนินการด้วยตนเองที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา
สำนักงานกฎหมายเดมี่ แอนด์ ดีออน จำกัด มีบริการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการลงทะเบียนลิขสิทธิ์ เพื่อให้คุณสามารถคุ้มครองผลงานสร้างสรรค์ของคุณได้อย่างเต็มที่
บริการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของเรา
ที่ สำนักงานกฎหมายเดมี่ แอนด์ ดีออน จำกัด เรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เราพร้อมให้บริการในหลายด้านเพื่อช่วยให้คุณปกป้องและใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ บริการของเราประกอบด้วย:
การจดสิทธิบัตร
เรามีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการจดสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์ใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การจดสิทธิบัตรช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายและมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์ของคุณ
การจดเครื่องหมายการค้า
การจดเครื่องหมายการค้าช่วยให้คุณสามารถปกป้องตราสินค้าและบริการของคุณจากการละเมิด เรามีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการจดเครื่องหมายการค้าในทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าเครื่องหมายการค้าของคุณจะได้รับการคุ้มครอง
การคุ้มครองลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิ์ที่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายสำหรับงานสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น งานเขียน เพลง ภาพยนตร์ และงานศิลปะ เรามีบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการคุ้มครองลิขสิทธิ์ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลงานของคุณจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
การจัดการความลับทางการค้า
ความลับทางการค้าเป็นข้อมูลที่มีค่าและต้องการการปกป้อง เรามีบริการให้คำปรึกษาและจัดทำข้อตกลงการรักษาความลับ เพื่อปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับและป้องกันการเปิดเผยที่ไม่ได้รับอนุญาต
การแปลสิทธิบัตร
การแปลสิทธิบัตรเป็นสิ่งสำคัญในการขอความคุ้มครองในต่างประเทศหรือในตลาดระหว่างประเทศ เรามีบริการแปลสิทธิบัตรโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในศัพท์เฉพาะทาง เพื่อให้การแปลมีความถูกต้องและครอบคลุมรายละเอียดทุกด้าน
กระบวนการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา
ที่ สำนักงานกฎหมายเดมี่ แอนด์ ดีออน จำกัด เรามีกระบวนการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถดำเนินการปกป้องทรัพย์สินของคุณได้อย่างราบรื่น:
- การประเมินและให้คำปรึกษา: เราจะเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจทรัพย์สินทางปัญญาของคุณและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการปกป้องและใช้ประโยชน์
- การดำเนินการทางกฎหมาย: เราจะดำเนินการจดทะเบียนและดำเนินการทางกฎหมายที่จำเป็นเพื่อปกป้องทรัพย์สินของคุณ
- การติดตามและจัดการ: เราจะช่วยคุณในการติดตามและจัดการทรัพย์สินทางปัญญาของคุณ เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินนั้นได้อย่างเต็มที่
ทำไมต้องเลือกสำนักงานกฎหมายเดมี่ แอนด์ ดีออน จำกัด
ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์:
การให้บริการที่มุ่งเน้นลูกค้า:
ความถูกต้องและความลับ:
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1 : บริการ “บริหารจัดการทรัพย์สิน” หมายถึงอะไร?
บริการนี้หมายถึงการช่วยเจ้าของทรัพย์สิน (เช่น อสังหาริมทรัพย์, ที่ดิน, อาคารพาณิชย์) ดูแลและจัดการทรัพย์สินให้อย่างครบวงจร — ตั้งแต่การประเมินมูลค่า, หาผู้เช่า/ผู้ซื้อ, ดูแลบำรุงรักษา, จัดการด้านภาษี/กฎหมาย, ตรวจสอบสัญญาเช่า/ขาย, และดูแลให้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Q2 : เจ้าของทรัพย์สินต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนใช้บริการ?
โดยทั่วไปควรมีข้อมูลเช่น:
- เอกสารทะเบียนทรัพย์สิน/โฉนด/สัญญาเช่า (ถ้ามี)
- รายงานสถานะปัจจุบันของทรัพย์ (เช่น สภาพอาคาร, ผู้เช่า, ระยะสัญญา)
- งบประมาณสำหรับบำรุงรักษาหรือแก้ไขทรัพย์สิน (หากทรัพย์ต้องซ่อมแซมหรือปรับปรุง)
- เป้าหมายของเจ้าของทรัพย์ (เช่น ต้องการเช่า, ต้องการขาย, ต้องการถือยาว ๆ) เพื่อให้เราวางกลยุทธ์ได้ถูกต้อง
Q3 : บริการครอบคลุมอะไรบ้าง?
ตัวอย่างบริการ ได้แก่:
- ประเมินมูลค่าและแนะนำสภาพทรัพย์สิน
- หาผู้เช่าและจัดทำสัญญาเช่า, ต่ออายุสัญญา
- ดูแลบำรุงรักษา/ซ่อมแซมทรัพย์สิน
- ตรวจสอบรายได้-ค่าใช้จ่าย, จัดทำรายงานให้เจ้าของทรัพย์
- ให้คำปรึกษาด้านภาษี/กฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สิน
- หากเจ้าของต้องการขาย เราสามารถช่วยในกระบวนการขายได้ด้วย
Q4 : ค่าบริการคิดอย่างไร?
ค่าบริการอาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากค่าเช่ารายเดือน/ปี, หรือคิดเป็นค่าบริการแบบเหมา/เหมาจ่าย แล้วแต่ข้อตกลง โดยอาจแบ่งเป็น:
- ค่าบริการจัดหาผู้เช่า
- ค่าบริการบริหารจัดการประจำเดือน
- ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาที่เจ้าของทรัพย์เป็นผู้รับผิดชอบ
รายละเอียดขึ้นอยู่กับประเภททรัพย์, สภาพทรัพย์ และบริการที่เลือกใช้
Q5 : เจ้าของทรัพย์สินยังมีสิทธิอะไรบ้าง?
แม้จะใช้บริการบริหารจัดการ เจ้าของทรัพย์ยังคงมีสิทธิตัดสินใจขั้นสำคัญ เช่น:
- เลือกผู้เช่าได้ (หากมีตัวเลือกหลายราย)
- อนุมัติค่าใช้จ่ายซ่อมแซมหรือปรับปรุง (เจ้าของทรัพย์อาจเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย)
- กำหนดระยะเวลาการถือครองทรัพย์หรือเป้าหมายการขาย
บริการของเราเป็น “ผู้ช่วย” ให้เจ้าของทรัพย์ ให้มั่นใจว่าทรัพย์ถูกดูแลอย่างมืออาชีพ
Q6 : ถ้าหาทรัพย์ไม่ให้เช่า/ผู้ซื้อช้าจะเสียค่าใช้จ่ายไหม?
ในบางกรณี ขึ้นอยู่กับข้อตกลงว่า “บริการเริ่มWhen – จ่ายWhen” เช่น อาจคิดค่าบริการจัดหาผู้เช่าเมื่อหาผู้เช่าได้แล้ว หรือคิดค่าบริการเดือนละ %ตามค่าเช่า สำหรับช่วงที่ว่าง อาจมีเงื่อนไขพิเศษ เช่น “ไม่คิดค่าบริการจนกว่าจะมีผู้เช่า” – ควรตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาให้ชัดเจน
Q7 : เจ้าของทรัพย์เป็นคนรับผิดชอบค่าซ่อมแซม/บำรุงรักษาไหม?
ใช่ครับ โดยทั่วไปเจ้าของทรัพย์เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายซ่อมแซม/บำรุงรักษาทรัพย์สินที่เกิดขึ้น แต่บริการบริหารจัดการจะเป็นผู้ประสานงาน เลือกผู้รับเหมา ตรวจสอบใบเสนอราคา และนำเสนอเจ้าของให้อนุมัติก่อนดำเนินการ เพื่อควบคุมคุณภาพและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม
Q8 : ต้องเซ็นสัญญาระยะยาวหรือไม่?
โดยทั่วไปมีสัญญาบริการระยะเวลาหนึ่ง เช่น 1 ปี หรือสัญญาระยะสั้นที่สามารถต่ออายุได้ ทั้งนี้ขึ้นกับข้อตกลงระหว่างเจ้าของทรัพย์กับผู้ให้บริการ และควรตรวจสอบเงื่อนไขการยกเลิกก่อนเลือกใช้บริการ
Q9 : สามารถเปลี่ยนเป้าหมายทรัพย์สิน (เช่า → ขาย) ได้หรือไม่?
ได้แน่นอนครับ หากเจ้าของทรัพย์เปลี่ยนใจจะขายทรัพย์สินระหว่างสัญญาบริการ ผู้ให้บริการจะช่วยอำนวยความสะดวก เช่น ประเมินทรัพย์สิน จัดเตรียมเอกสารขาย ติดต่อผู้ซื้อ และบริหารทรัพย์จนถึงโอนกรรมสิทธิ์
Q10 : ทำไมควรเลือกใช้บริการกับ DD Law Firms?
เพราะเราไม่ใช่แค่จัดการทรัพย์สินทั่วไป แต่เป็นสำนักงานกฎหมายที่เข้าใจทั้งด้าน “ทรัพย์สิน” และ “กฎหมาย” — เรามีประสบการณ์ด้านการดูแลสัญญาเช่า/ขาย การจัดทำเอกสาร จัดการภาษี และแก้ปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น ช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินมั่นใจว่า “ทรัพย์สินอยู่ในมือที่ถูกต้อง” และเกิดผลประโยชน์อย่างเต็มที่






