โพสต์แบบไหน เข้าข่ายหมิ่นประมาท

และฟ้องได้

  • โพสต์/คอมเมนต์ที่ “ใส่ความเป็นข้อเท็จจริง” ทำให้คนอื่นเสียชื่อเสียงต่อบุคคลที่สาม = เสี่ยงผิดอาญา ม.326 (โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท) และหากเผยแพร่สู่สาธารณะ/ออนไลน์ มักเข้า “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ม.328 (โทษสูงขึ้น จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท).

  • กฎหมายยกเว้นความผิดบางกรณี เช่น ติชมโดยสุจริตเพื่อประโยชน์สาธารณะ/รายงานข่าวศาล (ม.329) และหากพิสูจน์ได้ว่า “เรื่องที่กล่าวเป็นความจริง” อาจไม่ต้องรับโทษ (ม.330) แต่ เรื่องส่วนตัวที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ ห้ามยกความจริงสู้โทษ.

  • คดีหมิ่นประมาทเป็น “ความผิดอันยอมความได้” ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำ (ป.อ. ม.333 และ ป.วิ.อ. ม.96).

  • ออนไลน์ยังอาจพ่วง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) หากเป็น “ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน” (บทบัญญัติระบุชัดว่า ไม่ใช่ คดีหมิ่นตาม ป.อ.).


โพสต์แบบไหน “เข้าข่าย”


ตัวอย่างพฤติกรรมที่มักเสี่ยงผิดกฎหมาย (โดยเฉพาะเมื่อโพสต์สาธารณะ):

  • กล่าวหาเป็นข้อเท็จจริง เช่น “X ฉ้อโกง/โกงบริษัท/ติดโรค…” โดยไม่มีหลักฐาน และผู้อ่านระบุตัวบุคคลได้ (เอ่ยชื่อ, แท็ก, บอกตำแหน่ง/รูปที่ชี้ชัด) → เสี่ยง ม.326 และหากโพสต์สาธารณะ เสี่ยง ม.328
  • สร้าง/แชร์ภาพตัดต่อ สกรีนช็อตปลอม ประกอบคำกล่าวหา → ถือเป็น “โฆษณา” โทษหนักขึ้นตาม ม.328.
  • ไม่เอ่ยชื่อแต่บอกใบ้จนคนทั่วไปเดาได้ ว่าหมายถึงใคร → ยังเข้าข่ายได้หากระบุตัวบุคคลได้.
  • แชร์/รีโพสต์/คอมเมนต์ซ้ำ เนื้อหาหมิ่นฯ ที่แพร่หลายสู่สาธารณะ → เข้าองค์ประกอบ “โฆษณา” ได้.


ใส่ร้ายผู้ตาย แล้วทำให้ญาติใกล้ชิดเสียชื่อเสียง → ผิด ม.327 โทษตาม ม.326.
เกณฑ์สำคัญคือ “มีบุคคลที่สามรับรู้” และ “เป็นถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง” ที่ทำให้เสียชื่อเสียง ไม่ใช่แค่ด่าหยาบเฉย ๆ โดยไม่ยืนยันข้อเท็จจริง.

 

โพตส์แบบไหน ไม่เข้าข่าย หรือ ยกเว้นได้


ติชมโดยสุจริต/เพื่อปกป้องส่วนได้เสียของตน/รายงานการพิจารณาคดีที่เปิดเผย/วิจารณ์เรื่องสาธารณะอย่างเป็นธรรม → ได้รับยกเว้นตาม ม.329 (เช่น รีวิวบริการที่อธิบายข้อเท็จจริง + ความเห็นโดยสุจริต).


พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง → อาจ “ไม่ต้องรับโทษ” ตาม ม.330 แต่ห้ามอ้างความจริงถ้าเป็นเรื่อง “ส่วนตัว” ที่ไม่เป็นประโยชน์สาธารณะ. (อีกทั้งในทางแพ่ง มาตรา 423 จะรับผิดเฉพาะเมื่อ “ข้อความไม่จริง”).


เช็กลิสต์ 10 วินาทีก่อนกดโพสต์

  • ข้อความนี้ ยืนยันข้อเท็จจริง หรือเป็น ความเห็น? (ความเห็นปลอดภัยกว่า แต่ควรใช้ภาษายุติธรรม)
  • มี หลักฐาน พอไหม? (เอกสาร/ภาพ/ลิงก์ที่เชื่อถือได้)
  • เรื่องนี้ สาธารณะ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะหรือเป็นเรื่องส่วนตัว?
  • ระบุชื่อ/แท็ก/ใบ้จนคนทั่วไปเดาได้หรือไม่?
  • เปิดสาธารณะไว้หรือเปล่า (ยิ่งเผยแพร่กว้าง โทษยิ่งหนัก ม.328).


ถ้าคุณถูกหมิ่นประมาท ควรทำอย่างไร

  • เก็บหลักฐานทันที: สกรีนช็อตลิงก์ วันที่ เวลา ผู้โพสต์ พยานที่เห็นโพสต์.
  • แจ้งแพลตฟอร์ม ให้ลบ/บล็อกเนื้อหา
  • พิจารณาแจ้งความภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำ (กำหนดเวลาสำคัญมากสำหรับคดีอาญาที่ “ยอมความได้”).
  • พิจารณาฟ้องแพ่ง ม.423 เพื่อเรียกค่าสินไหม หากเป็น “ข้อความเท็จ”.
  • ปรึกษาทนาย เพื่อเลือกแนวทาง (แจ้งความ-ยอมความ-ฟ้องแพ่ง) ให้เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจ/ชื่อเสียง

 

หมายเหตุสำคัญ

  • โพสต์ออนไลน์ส่วนใหญ่เข้าข่าย “การโฆษณา” ทำให้โทษหนักกว่าหมิ่นฯ ทั่วไป (ม.328).
  • พ.ร.บ.คอมฯ ม.14(1) ใช้กับ “ข้อมูลเท็จที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และระบุชัดว่า ไม่ใช่ ความผิดหมิ่นประมาทตาม ป.อ. (คดีคนละฐาน).


ถ้าหากคุณกำลังลังเล หรือกำลังมองหาทนาย ช่วยทำคดีฟ้องร้องผู้ที่หมิ่นประมาทในโลกออนไลน์ ให้ ddlawfirms เพราะเรามีทั้งทนายที่เชียวชาญ พร้อมให้คำปรึกษา ติดต่อเรา หรือ ขอคำปรึกษาทางกฎหมายก่อนได้เลย